อากาศร้อนและความชื้นคือศัตรูตัวฉกาจของเฟอร์นิเจอร์ หากเลือกวัสดุไม่ถูกอาจทำให้เสียหายเร็วเกินคาด มาดูเทคนิคเลือกวัสดุ สี และการจัดวางที่เหมาะกับบ้านเมืองไทย เพื่อให้ทุกมุมบ้านโปร่งสบาย ใช้งานได้นาน และสวยอย่างมีสไตล์ในเวลาเดียวกัน
ทำไมสภาพอากาศถึงมีผลต่อการเลือกเฟอร์นิเจอร์
ในสภาพอากาศแบบเมืองไทย เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกมีผลโดยตรงต่อคุณภาพและความคงทนในระยะยาว เพราะความร้อนและความชื้นในอากาศเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้
- เฟอร์นิเจอร์บวมและแตก: วัสดุธรรมชาติอย่างไม้จะดูดซับความชื้นทำให้บวมและพองตัว เมื่ออากาศแห้งลงไม้ก็จะหดตัว การเปลี่ยนแปลงนี้ซ้ำ ๆ ทำให้ไม้แตกหรือร้าวได้ง่าย
- ขึ้นราและมีกลิ่นอับ: เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้าหรือหนังจะอมความชื้นจนกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย ทำให้เกิดกลิ่นอับและยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ

- สีซีดและหลุดล่อน: แสงแดดและความร้อนทำให้สีของเฟอร์นิเจอร์ซีดจาง และทำให้สารเคลือบผิวหลุดล่อนดูไม่สวยงาม
- สนิมและการผุกร่อน: โครงสร้างโลหะที่ไม่มีการเคลือบกันสนิมจะเกิดสนิมและผุกร่อนได้ง่ายเมื่อเจอความชื้น
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพอากาศ ไม่เพียงแต่ทำให้คุณต้องเสียเงินซ่อมแซมหรือซื้อใหม่บ่อยขึ้น แต่ยังส่งผลให้บรรยากาศในบ้านไม่น่าอยู่จากปัญหาเชื้อราและเฟอร์นิเจอร์ที่ทรุดโทรม การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมตั้งแต่แรกจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่ามาก
วัสดุเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับบ้านร้อนชื้น
เฟอร์นิเจอร์ที่ดีต้องทนทานและไม่ทรุดโทรมง่ายเมื่อต้องเจอกับสภาพอากาศร้อนชื้น เพราะวัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่ต่างกัน บางอย่างอาจไม่ทนทานต่อความชื้น
1. เฟอร์นิเจอร์ไม้จริงที่ผ่านการอบแห้งและเคลือบกันชื้น
ไม้ เป็นวัสดุที่นิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ แต่ไม่ใช่ไม้ทุกชนิดที่เหมาะกับบ้านเรา ควรเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งที่ผ่านกระบวนการอบแห้งมาอย่างดี เพื่อลดความชื้นในเนื้อไม้ และควรเคลือบผิวด้วยสารกันความชื้นหรือสารกันปลวก เพื่อป้องกันการบิดงอและขึ้นรา เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้เต็ง
- ข้อดี: สวยงาม ทนทาน และแข็งแรง
- ข้อเสีย: มีราคาสูงและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
2. เฟอร์นิเจอร์หวายหรือหวายเทียม (Rattan)
หวายหรือหวายเทียม เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับบ้านเมืองร้อน เพราะมีน้ำหนักเบา โปร่ง และระบายอากาศได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกอับชื้น อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่ดูเป็นธรรมชาติและสบายตา

หวายธรรมชาติ: ทำจากต้นหวายแท้ ให้ความสวยงามคลาสสิก แต่ต้องระวังเรื่องความชื้น
- ข้อดี: น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี
- ข้อเสีย: อาจขึ้นราได้ง่าย
หวายเทียม: ทำจากพลาสติกสังเคราะห์ มักใช้กับเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง
- ข้อดี: ทนทานต่อแดดและฝน ทำความสะอาดง่าย
- ข้อเสีย: อาจดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าหวายแท้ และบางชนิดมีคุณภาพต่ำ
3. เฟอร์นิเจอร์โลหะ
โลหะ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะไม่ดูดซับความชื้นและไม่เป็นอาหารของปลวก ควรเลือกโลหะที่ผ่านการเคลือบสารป้องกันสนิมมาแล้ว เช่น เหล็กชุบโครเมียม หรืออะลูมิเนียม ซึ่งมีน้ำหนักเบาและแข็งแรงทนทาน
- ข้อดี: ไม่ดูดซับความชื้น ไม่เป็นอาหารปลวก และทำความสะอาดง่าย
- ข้อเสีย: อาจเกิดสนิมได้ง่ายหากไม่มีการเคลือบกันสนิม
4. เฟอร์นิเจอร์พลาสติก
ปัจจุบันมีเฟอร์นิเจอร์ พลาสติก คุณภาพสูงหลายแบบที่ออกแบบมาให้มีดีไซน์ทันสมัยและมีคุณสมบัติที่เหมาะกับบ้านร้อนชื้น เพราะทนทานต่อความชื้นและแสงแดด ไม่บิดงอหรือแตกหักง่าย แถมยังมีราคาไม่แพงและทำความสะอาดง่าย
- ข้อดี: ทนทานต่อความชื้นและแสงแดด ไม่บิดงอ และราคาไม่แพง
- ข้อเสีย: อาจไม่ดูหรูหราเท่าวัสดุอื่น และบางชนิดอาจมีสีซีดจางเมื่อใช้ไปนานๆ

5. เฟอร์นิเจอร์บุผ้าแบบกันน้ำหรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
ถ้าจำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์บุผ้า ควรเลือกใช้ผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำ หรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าแคนวาส หรือผ้าฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ ซึ่งช่วยลดการสะสมของความชื้นและสามารถถอดปลอกมาซักทำความสะอาดได้ง่าย
- ข้อดี: ช่วยลดการสะสมของความชื้น ทำให้ไม่เกิดกลิ่นอับ และทำความสะอาดง่าย
- ข้อเสีย: หากเป็นวัสดุที่ไม่เหมาะสมอาจกักเก็บความชื้นได้ง่าย
วิธีการเลือกสีและโทนให้เหมาะกับบ้านเมืองร้อน
นอกจากวัสดุแล้ว สีและโทนของเฟอร์นิเจอร์ก็มีผลต่อความรู้สึกและบรรยากาศภายในบ้านเช่นกัน การเลือกสีที่เหมาะสมจะช่วยให้บ้านดูโปร่งสบายและน่าอยู่มากขึ้น
- โทนสีสว่างและสีอ่อน: สีอ่อนอย่างสีขาว ครีม สีเบจ หรือสีพาสเทล เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบ้านในเมืองร้อน เพราะโทนสีสว่างจะ สะท้อนความร้อน และแสงได้ดี ทำให้ห้องดูโล่งกว้างและสว่างกว่าความเป็นจริง ทั้งยังสร้างบรรยากาศที่สบายตาและผ่อนคลาย

- โทนสีธรรมชาติ: สีที่ได้จากธรรมชาติ อย่างสีน้ำตาลอ่อนของไม้ หรือสีเขียวของพืช จะช่วยให้บ้านรู้สึกเย็นสบายและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่ายและอบอุ่น
- โทนสีเข้ม: สีเข้มอย่างสีเทาเข้ม น้ำเงินเข้ม หรือดำ แม้จะช่วยเพิ่มความหรูหราและดูทันสมัย แต่ก็ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะโทนสีเข้มจะ ดูดซับความร้อน ทำให้ห้องรู้สึกอบอ้าวได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าเฟอร์นิเจอร์นั้นตั้งอยู่ในจุดที่โดนแสงแดดโดยตรง หากต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์สีเข้ม ควรเลือกแบบที่มีดีไซน์โปร่ง หรือใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็ก ๆ เพื่อไม่ให้ห้องดูทึบจนเกินไป
เทคนิคการดูแลและรักษาเฟอร์นิเจอร์ในบ้านร้อนชื้น
การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุเฟอร์นิเจอร์ให้คงสภาพดีได้นานขึ้น แม้จะต้องเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนและมีความชื้นสูง
1. ป้องกันรอยน้ำและคราบจากความชื้น
- ใช้ผ้าหรือแผ่นรองแก้วสำหรับวางแก้วน้ำหรือจานอาหาร เพื่อป้องกันการเกิดรอยน้ำบนพื้นผิวไม้
- ใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ทันทีเมื่อมีน้ำหกใส่ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพื่อไม่ให้น้ำซึมเข้าไปในเนื้อไม้จนเกิดอาการบวม
2. ป้องกันความเสียหายจากแสงแดด
- หลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้หรือหนังในจุดที่โดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน เพราะความร้อนและรังสียูวีจะทำให้สีซีดจางและวัสดุเสื่อมสภาพ
- ใช้ผ้าม่านหรือมูลี่เพื่อกรองแสงแดดไม่ให้ส่องเข้าถึงเฟอร์นิเจอร์โดยตรง
3. ควบคุมและป้องกันความชื้น
- การเคลือบสารกันชื้น: สำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ควรเลือกไม้ที่เคลือบผิวด้วยสารกันความชื้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ความชื้นซึมเข้าเนื้อไม้ เช่น โพลียูรีเทน หรือแลคเกอร์
- การใช้ผลิตภัณฑ์ดูดความชื้น: วางผลิตภัณฑ์ดูดความชื้นไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือตู้ลิ้นชัก เพื่อป้องกันเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ไม่ให้อับชื้น เช่น ซองซิลิกาเจล

- จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม: ไม่ควรวางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนังมากเกินไป ควรเว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อให้ลมและอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันการสะสมของความชื้นบริเวณหลังเฟอร์นิเจอร์
- การระบายอากาศ: เปิดหน้าต่างและประตูเพื่อให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้ดี เป็นวิธีที่ง่ายและช่วยลดความชื้นสะสมได้ดีที่สุด
ไอเดียการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้บ้านโปร่งและเย็นสบาย
การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม่เพียงแต่จะทำให้บ้านดูเป็นระเบียบ แต่ยังมีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านของคุณดูโปร่งและเย็นขึ้นได้อีกด้วย
- ไม่วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่บังทางลม: หลีกเลี่ยงการวางโซฟาหรือตู้ขนาดใหญ่ขวางหน้าต่างหรือประตู เพราะจะทำให้ลมไม่สามารถพัดผ่านเข้ามาในบ้านได้สะดวก ควรวางเฟอร์นิเจอร์ให้ชิดผนังหรือจัดชิดมุม เพื่อให้มีพื้นที่ว่างตรงกลางห้องมากที่สุด อากาศจะได้ถ่ายเทได้ดี
- สร้างมุมพักผ่อนที่เปิดรับลม: ลองจัดมุมเล็ก ๆ สำหรับการพักผ่อนใกล้หน้าต่าง โดยใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์โปร่ง เช่น เก้าอี้หวาย หรือเบาะนั่งขนาดเล็ก จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสัมผัสได้ถึงลมที่พัดผ่านเข้ามาในบ้าน

- เว้นพื้นที่โล่งเพื่อลดความอับชื้น: การมีพื้นที่ว่างในห้องจะช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดีขึ้น ลดการสะสมของความร้อนและความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับและเชื้อรา นอกจากนี้ การเว้นระยะห่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นจะทำให้ห้องดูกว้างขึ้นและสบายตาขึ้น
การเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านเมืองร้อนชื้น ไม่ได้มีแค่เรื่องสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความทนทาน การใช้งาน และบรรยากาศโดยรวม การเข้าใจวัสดุที่เหมาะสม สีที่ช่วยให้บ้านดูโปร่งสบาย และการจัดวางที่ลดปัญหาความอับชื้น จะช่วยให้บ้านน่าอยู่และเฟอร์นิเจอร์ใช้งานได้นานขึ้น นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงการดูแลรักษาที่ง่าย รวมถึงการเลือกดีไซน์ที่โปร่งเบาและระบายอากาศได้ดี เพื่อให้บ้านตอบโจทย์ทั้งความสวย ความสบาย และความคุ้มค่าในระยะยาว