เฟอร์นิเจอร์ บิวท์อิน vs ลอยตัว เลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้านคุณ

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้ดูแค่เรื่องของความสวยงาม แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานจริง หลายคนมักลังเลระหว่างบิวท์อินที่เข้ามุมพอดี กับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่ปรับเปลี่ยนได้ บทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสียของแต่ละแบบ เพื่อให้คุณได้ค้นพบเฟอร์นิเจอร์ที่ใช่สำหรับตัวคุณ

ทำความรู้จัก เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน & เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

1. เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน (Built-in Furniture)

เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน เป็นการออกแบบและสั่งทำขึ้น เพื่อยึดติดเข้ากับโครงสร้างของบ้านและอาคารอย่างถาวร เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมีเนียม ตู้เก็บของในห้องครัว ตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางในห้องนอน

ข้อดี

  • ประหยัดพื้นที่ สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากออกแบบมาให้เข้ามุมหรือพื้นที่จำกัดได้อย่างพอดี
  • สร้างความเรียบร้อย เป็นระเบียบและดูสะอาดตาให้กับบ้าน
  • มีความมั่นคงและแข็งแรง เนื่องจากถูกยึดติดกับโครงสร้าง

ข้อเสีย

  • ราคาสูง จากการออกแบบและติดตั้งเฉพาะทาง
  • ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ หากต้องการปรับเปลี่ยนจะต้องทำการรื้อถอน
  • ใช้เวลานาน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิต และติดตั้ง

การเลือกวัสดุผิวหน้า

  • เมลามีน (Melamine) เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีลายให้เลือกเยอะ และราคาไม่สูงมาก
    ข้อดี: ทนทาน ทำความสะอาดง่าย
    ข้อเสีย: อาจจะบวมน้ำได้หากใช้ในที่เปียกชื้น
  • ลามิเนต (Laminate) มีความทนทานกว่าเมลามีน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ใช้งานหนัก
    ข้อดี: ทนทานได้ดีเยี่ยม มีให้เลือกหลายผิวสัมผัส
    ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าเมลามีน อาจะเกิดรอยแตกตรงขอบได้หากไม่ระวัง
  • ไฮกลอส (High Gloss) มีผิวหน้ามันวาว ช่วยให้ห้องดูหรูหราทันสมัย
    ข้อดี: มีรอยนิ้วมือหรือรอยข่วนได้ง่าย
    ข้อเสีย: มีราคาสูง

การดูแลรักษา

ส่วนใหญ่การดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินไม่ยุ่งยาก ทำความสะอาดง่าย สามารถใช้ผ้าชุบน้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพราะอาจจะทำลายผิวหน้าของวัสดุ

2. เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว (Loose Furniture)

เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว คือเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป ไม่ได้ยึดติดกับโครงสร้างใด ๆ ทำให้เคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่กว้าง หรือคนที่ชอบจัดบ้านใหม่ เช่น โซฟา โต๊ะ

ข้อดี

  • สามารถเคลื่อนย้าย เปลี่ยนตำแหน่งได้ง่าย เหมาะกับคนที่ชอบเปลี่ยนบรรยากาศบ้านบ่อย ๆ
  • หาซื้อได้ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากมีขายตามร้านเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป และไม่ต้องรอการผลิตหรือติดตั้ง
  • ราคาไม่สูง ทำให้ควบคุมงบประมาณได้ง่าย

ข้อเสีย

  • ใช้พื้นที่ได้ไม่เต็มที่ มักมีช่องว่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์กับผนัง
  • ดีไซน์ไม่เป็นเอกลักษณ์ เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป
  • ไม่แข็งแรงทนทาน เนื่องด้วยน้ำหนักที่เบาและสามารถเคลื่อนย้ายง่าย

การเลือกวัสดุ 

  • ไม้จริง (Solid Wood) วัสดุธรรมชาติ ไม่ผ่านการแปรรูปด้วยสารเคมี เช่น ไม้สัก ไม้โอ๊ค ไม้ยางพารา
    ข้อดี: แข็งแรงทนทาน มีอายุการใช้งานนาน สามารถซ่อมแซมได้
    ข้อเสีย: มีราคาสูง น้ำหนักมาก และอาจจะเกิดการบวมหรือหดตัว ถ้าดูแลไม่ดี
  • ไม้แปรรูป (Composite Wood) เป็นการนำไม้จริงมาบดสับเป็นชิ้นเล็ก และนำมาผ่านสารเคมี เพื่อขึ้นรูปเป็นแผ่น เช่น ไม้อัด MDF
    ข้อดี: ราคาไม่แพง น้ำหนักเบา มีลวดลายให้เลือกเยอะ
    ข้อเสีย: ความทนทานต่ำ ซ่อมแซมได้ยาก และบวมน้ำง่าย
  • เหล็ก (Metal) มักใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ทันสมัย และมักใช้เป็นโครงสร้างหลัก เช่น โครงเตียง โต๊ะ
    ข้อดี: แข็งแรงทนทาน ทำความสะอาดง่าย มีอายุการใช้งานนาน
    ข้อเสีย: มีน้ำหนักมาก และอาจเกิดสนิมได้ ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
  • พลาสติก (Plastic) มักใช้ในการทำเก้าอี้ ชั้นวางของ หรือโต๊
    ข้อดี: มีน้ำหนักเบามาก เคลื่อนย้ายง่าย ราคาถูก ทนต่อความชื้น
    ข้อเสีย: ความทนทานต่ำ  มีรอยหรือแตกได้ง่าย และอายุการใช้งานสั้นกว่าวัสดุอื่น ๆ

การดูแลรักษา

ในการดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์นั้น จำเป็นต้องพิจารณาวัสดุที่ใช้ทำ เนื่องจากวัสดุแต่ละชนิดมีวิธีการดูแลที่ต่างกัน ดังนี้

  • ไม้จริง (Solid Wood) ควรใช้ผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเป็นประจำ เพื่อป้องกันฝุ่นเกาะ หากเกิดรอยขีดข่วนสามารถใช้น้ำยาขัดเงาได้ และควรหลีกเลี่ยงการวางไว้ในห้องที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบ่อย
  • ไม้แปรรูป (Composite Wood) สามารถใช้ผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ได้ แต่ไม่ควรให้โดนน้ำนาน เพราะอาจจะทำให้บวมได้ และไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง
  • เหล็ก (Metal) สามารถใช้ผ้าชุบน้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดได้ หากเกิดสนิมสามารถใช้กระดาษทรายขัดได้ และควรทำให้แห้งอยู่เสมอ
  • พลาสติก (Plastic) ทำความสะอาดง่ายที่สุด สามารถล้างด้วยน้ำหรือใช้แปรงขัดได้ แต่ควรหลีดเลี่ยงการวางไว้กลางแดดเป็นเวลานาน เพราะอาจจะเกิดการเปราะได้

ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจ

ไลฟ์สไตล์และแผนการใช้งาน

  • เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความมั่นคง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงบ่อย และวางแผนจะอาศัยอยู่ในระยะยาว
  • เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว: เหมาะสำหรับคนที่ชอบจัดบ้านใหม่เป็นประจำ หรือเป็นคนที่อยู่พักชั่วคราว ที่อาจมีการย้ายในอนาคต

งบประมาณและระยะเวลา

  • เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน: จำเป็นต้องมีงบประมาณที่สูง และต้องเผื่อเวลาในการออกแบบและติดตั้ง ตั้งแต่หลักสัปดาห์ไปจนถึงเดือน
  • เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว: สามารถควบคุมงบได้ง่ายกว่า สามารถซื้อมาใช้งานได้เลยทันที ทำให้ประหยัดเวลาได้อย่างมาก

ลักษณะพื้นที่และขนาดของห้อง

  • เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน: เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กและมีมุมไม่สม่ำเสมอ เพราะสามารถออกแบบให้ใช้ได้ทุกพื้นที่อย่างคุ้มค่า
  • เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว: เหมาะสำหรับห้องขนาดกลาง-ใหญ่ ที่สามารถจัดวางและปรับเปลี่ยนได้

การเลือก เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน หรือ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ไม่มีคำตอบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับ พื้นที่บ้าน ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณ ของแต่ละคน หากคุณต้องการความเรียบร้อย ใช้พื้นที่คุ้มค่า ดีไซน์พอดีกับบ้าน บิวท์อินคือคำตอบที่เหมาะสม แต่ถ้าชอบความยืดหยุ่น เคลื่อนย้ายได้ง่าย และเปลี่ยนบรรยากาศได้บ่อย เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอาจตอบโจทย์มากกว่า

นอกจากนี้ การผสมผสานระหว่างเฟอร์นิเจอร์ทั้งสองแบบก็เป็นอีกทางเลือก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ที่จะผสมผสานความลงตัวของเฟอร์นิเจอร์ ให้บ้านของคุณสวยงามและตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

แบ่งปันบทความ: